โรคมะเร็ง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทที่สำคัญ คือ
1. เกิดจากสิ่งแวดล้อมหรือภายนอกร่างกาย ซึ่งปัจจุบันนี้เชื่อกันว่ามะเร็ง ส่วนใหญ่ เกิดจากสาเหตุได้แก่
1.1 สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อนในอาหารและเครื่องดื่ม เช่น
- สารพิษจาก เชื้อราที่มีชื่อ อัลฟาทอกซิน (Alfatoxin)
- สารก่อมะเร็งที่เกิดจากการปิ้ง ย่าง พวกไฮโดคาร์บอน (Hydrocarbon)
- สารเคมีที่ใช้ในขบวนการถนอมอาหาร ชื่อไนโตรซามิน (Nitosamine)
- สีผสมอาหารที่มาจากสีย้อมผ้า
1.2 รังสีเอ็กซเรย์ อุลตราไวโอเลตจากแสงแดด
1.3 เชื้อไวรัส ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสฮิวแมนแพบพิลโลมา
1.4 การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ
1.5 จากพฤติกรรมบางอย่าง เช่น การสูบบุหรี่และดื่มสุรา เป็นต้น
1.6 สาเหตุอื่น ๆ ทำให้เกิดการทำลายดีเอ็นเอ เช่น มลภาวะจากสิ่งแวดล้อม, สารอนุมูลอิสระ
2. เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย ซึ่งมีเป็นส่วนน้อย เช่น
- เด็กที่มีความพิการ มาแต่ กำเนิดมีโอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- การมีภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง
- ภาวะ ทุพโภชนาการ เช่น การขาดไวตามินบางชนิด เช่น ไวตามินเอ ซี เป็นต้น
อาการของโรคมะเร็ง
- ถ้าอยู่ๆ ก็มีน้ำหนักลดถึง 5 กิโลกรัม กางเกงหลวมโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ไดเอ็ต ก็จำเป็นต้องสงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้น มันอาจจะไม่ใช่มะเร็งอาจจะเป็นเบาหวานก็ได้ แต่จำเป็นต้องเช็คว่าเป็นมะเร็งในส่วนลึกๆ หรือเปล่า เช่น มะเร็งตับอ่อน กระเพาะอาหาร หลอดอาหาร หรือปอด
- ไข้ เป็นอาการและอาการแสดงของมะเร็งได้บ่อย โดยเฉพาะมะเร็งระยะท้ายๆ อาจจะกล่าวได้ว่าคนไข้มะเร็งเกือบจะทั้งหมดจะมีไข้ไม่ตอนใดก็ตอนหนึ่งของการดำเนินโรค โดยเฉพาะถ้ามะเร็งหรือการรักษามีผลต่อระบบภูมิต้านทานจะทำให้คนไข้ต้านการติดเชื้อได้น้อยลง ในมะเร็งบางอย่างไข้เป็นอาการและอาการแสดงที่เกิดขึ้นในระยะแรกๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ที่เรียกว่า ลูคีเมีย (leukemia) หรือ ลิมโฟมา (lymphoma)
- อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรง เป็นอาการที่สำคัญอย่างหนึ่งโดยเฉพาะเมื่อมะเร็งเป็นมากขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในระยะแรก เช่น ในมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือมะเร็งที่ทำให้มีการเสียเลือดทำให้เลือดจาง เหนื่อยง่าย อย่างเช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่
- อาการปวด อาจเป็นอาการของมะเร็งบางอย่างในระยะเริ่มแรก เช่น มะเร็งกระดูก หรือมะเร็งอัณฑะ แต่โดยมากแล้วอาการปวดเป็นอาการของมะเร็งในระยะท้ายๆ เช่น ปวดท้องจากมะเร็งลำไส้ตีบตัน เป็นต้น
- การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง มะเร็งที่ผิวหนังจะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังแน่ เช่น เป็นแผลไม่ยอมหาย ไฝดำโตขึ้น แต่โรคอย่างอื่นที่ไม่ใช่โรคผิวหนังก็อาจจะมีอาการแสดงที่ผิวหนังได้ เช่น ดีซ่าน (ตัวเหลืองตาเหลือง) จากมะเร็งท่อน้ำดี ผิวสีคล้ำมากขึ้นจากมะเร็งในสมอง ผิวมีสีแดงเป็นปื้นเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ได้ในมะเร็งตับอ่อนบางชนิด (Glucagonoma) มะเร็งบางชนิดผลิตฮอร์โมนทำให้มีอาการคัน มีขนงอกมากขึ้น มะเร็งคาร์ซินอยด์ในลำไส้ใหญ่หรือไส้ติ่งผลิตสารฮอร์โมนทำให้มีอาการผิวหนังอมเลือด หน้าแดง ใจเต้น เหงื่อแตก เป็นต้น
อาการและอาการแสดงทั่วไปเมื่อร่วมกับอาการจำเพาะจะบ่งบอกถึงมะเร็งได้ดีขึ้น แต่อาจจะไม่แน่นอนตายตัว คือโรคอื่นอาจจะมีอาการอาการแสดงเหมือนกันได้ แต่สิ่งสำคัญคือควรจะปรึกษาแพทย์
- แผลที่ผิวหนังที่ไม่ยอมหาย
มะเร็งผิวหนังอาจจะมาด้วยอาการและอาการแสดงที่แผลรักษาไม่ยอมหาย เช่น เป็นแผลในปากไม่ยอมหาย อาจจะเกิดจากมะเร็ง โดยเฉพาะในคนที่สูบบุหรี่ เคี้ยวยาสูบ กินเหล้า กินหมาก แผลเรื้อรังที่อวัยวะเพศอาจจะเป็นมะเร็งได้ ต้องให้หมอตรวจ แผลเรื้อรังที่ขาอาจจะกลายจากแผลเลือดดำคั่งกลายไปเป็นมะเร็ง - เลือดออกหรือมีน้ำหลั่งออกมา การที่มีเลือดออกอาจจะเกิดจากมะเร็งในระยะต้นๆ หรือระยะท้ายๆ ก็ได้ เช่น ถ่ายเป็นเลือด อาจจะเป็นจากมะเร็งในลำไส้ใหญ่ ฉี่เป็นเลือดจากมะเร็งกระเพาะปัสสาวะหรือไต เลือดออกทางช่องคลอดจากมะเร็งปากมดลูก หรือเยื่อบุมดลูก ไอเป็นเลือดจากมะเร็งปอด เลือดออก หรือน้ำหลั่งออกทางหัวนมจากมะเร็งเต้านม
- เป็นก้อนที่เต้านมหรือที่อวัยวะอื่น มะเร็งหลายอย่างคลำพบได้ผ่านผิวหนัง เช่น มะเร็งเต้านม บางที่มองเห็นได้ เช่น ที่ผิวของเต้านมบุ๋มลงไปจากมะเร็งเต้านมดึงรั้ง มะเร็งอัณฑะก็มองเห็นและคลำได้เป็นก้อนโตกว่าปกติ มะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบก็โตขึ้นจนคลำได้
- อาการกลืนลำบากหรือท้องอืด อาการแบบนี้อาจจะเกิดได้จากหลายโรค แต่จำเป็นต้องคิดถึงมะเร็งไว้ เช่น มะเร็งหลอดอาหารทำให้กลืนลำบาก มะเร็งกระเพาะอาหารทำให้แน่นท้องท้องอืด มะเร็งในคอทำให้กลืนลำบาก เป็นต้น มะเร็งลำไส้ใหญ่ทำให้ท้องอืดได้เช่นกัน เพราะมะเร็งไปตีบตันลำไส้
- ไอเรื้อรังหรือเสียงแหบ อาการนี้ต้องนึกถึงมะเร็งปอดหรือหลอดลม กล่องเสียงหรือต่อมไทรอยด์ ถ้าเป็นไม่ยอมหายควรปรึกษาแพทย์ อย่านิ่งนอนใจ
การรักษาโรคมะเร็งด้วยบอระเพ็ด
ถ้าเรานึกถึงสมุนไพรอย่างบอระเพ็ดคนที่เคยกินจะบอกเป็นคำเดียวกันว่า ขมมากมากจนสามารถทำให้เด็กหย่านมแม่ได้ขาด และด้วยความขมของมันทำให้คนสมัยก่อนเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ซึ่งการนำบอระเพ็ดมารับประทานบางคนก็จะเคี้ยวสดๆ บางคนก็ทำเป็นยาลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งทำให้เรารับประทานง่ายขึ้น
บอระเพ็ดเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อนเถาอ่อนผิวเรียบบสีเขียว เถาแก่สีน้ำตาลอมเขียว ผิวขรุขระ เป็นปุ่มๆยางมีรสขมจัด สารสำคัญในบอระเพ็ด คือ พิโครเรติน ( picroretin ) เป็นสารที่ทำให้บอระเพ็ดมีรสขม และเอ็นทรานส์เฟรูโลอิลไทรามีน (N-trans-feruloyltyramine) มีสรรพคุณช่วยในการระงับความร้อนได้ดี สามารถลดอาการไข้ ลดคอเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด และช่วยต้านอนุมูลอิสระซึ่งเป็นที่มาของโรคมะเร็ง
บอระเพ็ดมีสาร 2 ชนิดที่สามารถยับยั้งการเกิดมะเร็งได้ ซึ่งสารชนิดนี้มีอยู่ในเถาของบอระเพ็ด ได้แก่ สารพิโครเรตินและสารเอ็นทรานส์เฟรูโลอิลไทรามีน มีสรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระอันเป็นสารก่อมะเร็งโดยมีฤทธิ์ยับยั้งมะเร็งในเม็ดเลือด มะเร็งในท่อน้ำดี เป็นต้น
เพิ่มพลังชีวิตใหม่ต่อต้านโรคร้าย ด้วยพลังคอสมิก.....รักษามะเร็งระยะสุดท้าย ไม่เห็นผลยินดีคืนเงิน ติดต่อคุณรสริน line id: jakcosmic
ตอบลบ