โรคคางทูม

      โรคคางทูม เป็นอีกโรคหนึ่งที่มักพบบ่อยในเด็ก ๆ วันนี้มีข้อมูลเรื่อง โรคคางทูม มาฝากกันค่ะ

              โรคคางทูม หรือ  Mumps หรือ Epidemic Parotitis มักพบบ่อยในเด็กอายุ 6-10 ปี ส่วนวัยต่ำกว่า 3 ขวบ หรือผู้ใหญ่มากกว่า 40 ปีจะไม่ค่อยพบ

    สาเหตุของ โรคคางทูม

              โรคคางทูม เกิดจากการติดเชื้อคางทูม ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่มพารามิกโซ ไวรัส (paramyxovirus) โดยเชื้อจะอยู่ในน้ำลายของผู้ป่วย และติดต่อถึงกันผ่านการไอ จามรดกัน รวมทั้งสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนน้ำลายของผู้ป่วย

              เมื่อเชื้อเข้าไปในร่างกายก็จะแบ่งตัว และเข้าสู่กระแสโลหิต ก่อนจะแพร่ไปยังอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งต่อมน้ำลาย ทำให้ต่อมน้ำลาย และอวัยวะต่าง ๆ อักเสบ ทั้งนี้เมื่อเป็นแล้ว จะมีภูมิคุ้มกันตลอดไป

    ระยะฟักตัวของโรค

              นับตั้งแต่เริ่มติดเชื้อจนมีอาการแสดง ประมาณ 12- 25 วัน แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในราว 16-18 วัน

    ระยะติดต่อของ โรคคางทูม

              คือระยะที่ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อในคนอื่นได้ คือตั้งแต่ 7 วันก่อนมีอาการ จนถึง 9 วันหลังมีอาการคางทูม บางครั้งก็พบการระบาดของโรคคางทูม

    อาการของผู้ป่วย โรคคางทูม

              ผู้ป่วย คางทูม จะเป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร บางคนอาจปวดหูขณะเคี้ยงอาหาร หรือกลืนอาหารด้วย จากนั้น 1-3 วันต่อมา จะมีอาการบวมที่ข้างหูหรือขากรรไกร และปวดมากขึ้นเมื่อทานของเปรี้ยว รวมทั้งขณะอ้าปากเคี้ยวอาหาร หรือกลืนอาหาร บางคนอาจบวมที่ใต้คางด้วย ถ้าต่อมน้ำลายใต้คางอักเสบ

              ผู้ป่วยคางทูมส่วนใหญ่ จะมีอาการคางบวมทั้ง 2 ข้าง โดยเป็นข้างหนึ่งก่อน แล้วจะเป็นอีกข้างตามมาใน 4-5 วัน ช่วงที่บวมมาก ผู้ป่วยจะพูดและกลืนอาหารลำบาก

              นอกจากนี้ยังพบว่า ประมาณร้อยละ 30 ของผู้ติดเชื้อคางทูม อาจไม่แสดงอาการของโรคคางทูมก็ได้

    การแยกโรค

    อาการคางบวม อาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่คางทูม ก็ได้ เช่น

               การบาดเจ็บ เช่น ถูกต่อย

               ต่อมทอนซิลอักเสบ ผู้ป่วยจะมีไข้ เจ็บคอ ต่อมทอนซิลบวมแดง และต่อมน้ำเหลืองใต้คางบวมร่วมด้วยข้างหนึ่ง

               เหงือกอักเสบ หรือรากฟันอักเสบ ผู้ป่วยจะปวดฟัน เหงือกบวม และอาจมีคางบวมข้างหนึ่ง

               ต่อมน้ำลายอักเสบเป็นหนอง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มีอาการคล้ายคางทูม แต่ผิวหนังจะมีลักษณะแดงมาก และเจ็บมาก

               มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ผู้ป่วยจะมีก้อนบวมข้างคอ ไม่มีอาการเจ็บปวด แต่อาจเสียงแหบ (ถ้าเป็นมะเร็งกล่องเสียง) หรือคัดจมูก เลือดกำเดาไหล (ถ้าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก)

การรักษาโรคคางทูมด้วยตะลิงปิง


ตะลิงปลิง

ส่วนที่ใช้ : ใบสด
สรรพคุณ : ยารักษาคางทูม
วิธีและปริมาณที่ใช้ : ใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด ผสมน้ำเล็กน้อย พอกบริเวณที่บวม พอกวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เปลี่ยนยาใหม่ทุกครั้ง ในชวานิยมใช้ยานี้มาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น